อีกไม่นานเครือร้านอาหารสุกี้ MK ก็กำลังจะเปิดขาย IPO เข้ามาในตลาดหุ้น โดยซื้อขายกันภายใต้ตัวย่อ M (เปลี่ยนจาก MKG) หุ้นตัวนี้เป็นตัวหนึ่งที่ผมค่อนข้างสนใจมากพอสมควร ที่สนใจนี้ไม่ได้หมายความว่าน่าซื้อนะครับ อันนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่ที่สนใจเพราะว่าโดยปรกติผมเป็นคนชอบบริษัทที่อยู่ใกล้ตัวอยู่แล้ว ยิ่งได้เห็นได้สัมผัสได้ใช้สินค้าหรือบริการของเขาอยู่ทุกวันยิ่งดี เพราะจุดนี้เป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญมากๆอันนึงเลยเวลาที่ผมจะตัดสินใจลงทุนในบริษัท
เพราะฉะนั้นเราลองมาคิดถึงธุรกิจของ M กันดูก่อนดีกว่า ณ วันนี้บริษัทมีธุรกิจหลักคือร้านอาหารอยู่ 2 chain คือ MK กับ Yayoi ถ้าย้อนกลับไปซัก 5-6 ปีก่อนทุกๆช่วงเวลาทานมื้อกลางวันกับเย็นมั่นใจได้เลยว่าหน้าร้าน MK จะมีคนนั่งคิวกันยาวเหยียดเพื่อรอโต๊ะ (รวมถึงร้าน Fuji ด้วยที่ส่วนใหญ่จะเห็นคิวยาวคู่กัน) แต่ทุกวันนี้ธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยดูเหมือนจะพัฒนาไปมาก ทั้งตัวเลือก ประเภท ราคา และรูปแบบร้านอาหารเดี๋ยวนี้มีมากกว่าแต่ก่อนมาก จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เดี๋ยวนี้คนกิน MK น้อยลง แต่ก็ยังขายดีอยู่นะครับคนก็แน่นร้านตลอดแค่ไม่ได้แย่งกันเข้าร้านเหมือนแจกฟรีหรือต้องมานั่งคิวนานๆเพราะตัวเลือกอื่นก็มี
กลุ่มร้านหลักประเภทหนึ่งเลยที่ผมว่าดึงลูกค้าไปจาก MK คือกลุ่มร้านบุฟเฟ่ต์ชาบู (อย่าง Hotpot ชาบูชิ ซูกิชิ) กลุ่มร้านเหล่านี้ขายอาหารที่คล้ายกับของ MK มากแต่กินได้ไม่อั้น รวมทั้งน้ำและของหวาน แถมราคายังแค่ประมาณ 250-350 บาท ต่อคน ซึ่งถ้าผมไปกิน MK ปรกติราคาจะออกมาแพงกว่านี้อีก กลุ่มคนที่ชอบความ "รู้สึก" คุ้มค่าจึงเลือกที่จะไปกินร้านเหล่านี้แทน แต่ MK ก็ยังมีจุดแข็งที่เหนือกว่าอยู่หลายอย่าง คือสะอาด อาหารดูสดกว่า นั่งสบายไม่วุ่นวาย และการบริการนี่ต้องขอชมเป็นพิเศษร้านหรูๆหลายร้านต้องอาย (จากประสบการณ์ส่วนตัว) โค้งแล้วโค้งอีกจนผมเขินเลย ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้ถ้าผมต้องเลือกที่จะไปกินสุกี้ผมก็ยังชอบไปกิน MK มากกว่า
โอเคเราอาจจะต้องยอมรับว่า MK ขายดีน้อยลงจากเมื่อก่อน แต่จริงๆแล้วประเด็นนั้นผมว่ายังไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ แต่ที่สำคัญคือตอนนี้และในอนาคตแนวโน้วเป็นยังไง ซึ่งตอนนี้ผมว่ายอดขายของ MK แต่ละสาขาก็ค่อนข้างอยู่ตัวแล้วและก็นับว่ายังขายดีอยู่ กลุ่มลูกค้าได้แบ่งกันชัดเจนแล้วว่าใครชอบสุกี้แบบธรรมดาหรือแบบบุฟเฟ่ต์ และข้อดีคือสำหรับใครที่ชอบสุกี้แบบธรรมดาดูเหมือน MK จะไม่มีคูแข่งเลย มองไปในอนาคตร้านสุกี้ส่วนใหญ่ที่เปิดขึ้นมาใหม่ก็เห็นจะใช้แต่ model แบบบุฟเฟ่ต์กันหมดซึ่งก็ไม่น่าจะกระทบกับยอดขายของ MK แล้วแต่จะไปแย่งลูกค้ากันเองกับร้านบุฟเฟต์จ้าวอื่นมากกว่า แนวโน้วในอนาคตผมจึงคิดว่ายอดขายต่อสาขาของ MK น่าจะทรงตัวอยู่ที่ระดับนี้ ไม่เพิ่มหรือลดซักเท่าไหร่
ทีนี้เราลองมาดูทาง Yayoi กันบ้าง ตอนเปิดใหม่ๆดูจะน่าเป็นห่วงอยู่พอสมควร ทุกสาขาที่ผมเคยผ่านเมื่อปีที่แล้วตอนต้นปีคนค่อนข้างโล่งมาก แต่ตอนนี้ติดตลาดแล้วเรียกว่าขายดีเลยทีเดียวเดินผ่านคนก็คึกคักตลอด positioning เขาผมว่าดีมาก ไม่มีคูแข่งโดยตรง เป็นอาหารญี่ปุ่นแบบตามสั่งราคาถูกแค่ 100 กว่าบาทก็กินได้ ราคาเท่ากับไปกิน KFC หรือ Mac เลย สำหรับ chain นี้ผมว่าถ้ายังไม่มีคู่แข่งใหม่ๆเข้ามาที่ชนกันโดยตรงยอดขายต่อสาขาก็น่าจะเหมือน MK คือค่อนข้างทรงตัวอยู่ที่ระดับนี้
การขยายตัวของธุรกิจ
มาถึงประเด็นสำคัญ "แล้วธุรกิจนี้จะโตไปได้อีกแค่ไหน" สำหรับ MK การที่ยอดขายและกำไรจะโตได้นั้นคงจะต้องพึ่งการขยายสาขาไปเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้ห้างทุกห้างและ community mall ก็มี MK อยู่แล้วเพราะฉะนั้นอัตราการเติบโตคงจะโตได้ตามการขยายตัวของ modern trade เท่านั้น ซึ่งถ้าเฉลี่ยในระยะยาวผมว่าได้สิบกว่าเปอร์เซ็นต่อปีก็เก่งแล้ว เพราะต้องอย่าลืมด้วยว่าการเพิ่มสาขาแต่ละครั้งไม่ได้ได้ลูกค้าใหม่ทั้งหมด จาก 100 คนที่มากินที่สาขาใหม่ หลายๆคนอาจจะเป็นลูกค้าเก่าอยู่แล้วที่ตอนนี้เปลี่ยนมากินสาขาที่ใกล้ขึ้นเท่านั้นเอง
ทางด้านของ Yayoi ก็เหมือนกัน เดี๋ยวนี้จะเห็นว่าเวลาเปิดสาขาใหม่ MK กับ Yayoi จะเปิดกันเป็นคู่ แต่ Yayoi มีโอกาสขยายได้มากกว่าพอสมควรเพราะตอนนี้ยังมีอยู่แค่เกือบ 100 สาขาในขณะที่ MK มีอยู่ถึง 300 กว่าสาขา เพราะฉะนั้นในช่วงแรกนี้ Yayoi ยังสามารถแร่งขยายไปในพื้นที่ที่ตอนนี้ MK อยู่แต่ยังไม่มี Yayoi แต่ในระยะยาวเมื่อขยายเสร็จแล้วอัตราการเติบโตก็คงลดเหลือแค่เท่ากับของ MK คือไม่น่าจะเกินสิบกว่าเปอร์เซ็นต่อปี
ส่วนการขยายตัวต่างประเทศนั้นผมคิดว่าเราน่าจะมองเป็นเหมือน bonus มากกว่าแต่อย่าไปพึ่งความหวังไว้กับมัน เรื่องของรสนิยมอาหารการกินนั้นเป็นอะไรที่เดายากมากๆ เราก็เห็นกันมาบ่อยมากแล้วที่ chain ร้านอาหารที่ฮิตมากในประเทศนึงพอไปเปิดประเทศอื่นๆแล้วกลับเจ๊งไม่เป็นท่า และที่สำคัญร้านในต่างประเทศนั้นเป็นอะไรที่ห่างหูห่างตา (อย่างน้อยสำหรับผมที่ไม่ได้เดินทางบ่อยมาก) จึงเป็นอะไรที่ติดตามค่อนข้างยากว่าธุรกิจเป็นยังไง แน่นอนถ้าเกิดร้านอาหารของ M ไปติดตลาดที่ต่างประเทศธุรกิจนั้นจะสามารถขยายได้อีกมหาศาล อันนี้ก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าจะฝากความหวังไว้กับเหตุผลนี้ตอนลงทุนผมว่ามันก็อาจจะเสี่ยงเกินไป
ทีนี้ลองมาดูตัวเลขคร่าวๆกันนิดนึง ถ้าดูระดับหนี้สินต่อกำไรแล้วผมว่าโอเคไม่สูงมาก แต่ตัวที่บริษัทน่าจะอยากให้นักลงทุนดูมากที่สุดคงจะเป็นการเติบโตของกำไรจากปี 54-55 ที่สูงถึงเกือบ 20% ถ้าคิดว่า M จะโตต่อไปได้ในอัตรานี้เรื่อยๆนักลงทุนก็อาจให้ราคา PE ของหุ้นที่ค่อนข้างสูงทีเดียว เพราะถ้าโตขนาดนี้ต้องถือว่าเป็น growth stock ที่ดีมากๆอันนึง แต่ด้วยเหตุผลต่างๆที่บอกไปแล้วผมไม่คิดว่า M จะโตได้ในอัตรานี้ไปอีกนานเท่าไหร่ อีกเหตุผลหนึ่งที่ปีที่แล้วกำไรอาจจะโตขึ้นเยอะกว่าปรกติอาจเป็นเพราะว่าปีที่แล้ว Yayoi เริ่มติดตลาดขึ้นมาพอดีเลยทำให้รายได้โตขึ้นอย่างเก้ากระโดดแต่ตอนนี้ยอดขายก็น่าจะเริ่มอยู่ตัวแล้ว
แล้วตกลงน่าลงทุนไหม?
โดยรวมแล้วผมคิดว่า M เป็นบริษัทที่มีระบบและกิจการที่ดีบริษัทหนึ่ง ถ้าถามว่าอยากเป็นเจ้าของไหมผมก็คงต้องตอบว่าอยาก แต่จะลงทุนซื้อหุ้นตัวนี้หรือไม่นั้นประเด็นสำคัญคงจะต้องอยู่ที่ราคา ผมไม่คิดว่าบริษัท M ณ ตอนนี้จะโตมากขนาดที่ให้ราคาแบบ super growth stock ได้ น่าจะเป็นบริษัทที่มีกิจการดี มีฐานลูกค้าที่ค่อนข้างมั่นคงและก็โตไปได้เรื่อยๆตามขนาดเศรษฐกิจ และ modern trade อาจคล้ายๆบริษัท blue chip ย่อยๆบริษัทหนึ่ง แต่มีข้อดีมากกว่าตรงอัตราการเติบโตที่น่าจะดีกว่าและที่สำคัญยังใกล้หูใกล้ตาถ้าเกิด trend เล่มเปลี่ยนหรือมีคู่แข่งใหม่เข้ามาที่น่ากลัวเราก็น่าจะเห็นได้ค่อนข้างเร็ว
มองรวมๆด้วยเหตุผลต่างๆแล้วถ้าหุ้นราคา PE สักสิบกว่าๆนี้ต้องถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว แต่ถ้า PE ใกล้ 20 หรือมากกว่าหน่อยนั้นอาจจะต้องเริ่มคิดหนักขึ้น เพราะที่ราคานี้ถ้าจะบอกว่าถูกนั้นคงไม่ใช่แน่นอนถ้าจะให้ลงทุนจริงๆอาจจะลงทุนแค่ส่วนหนึ่งของจำนวนที่ตั้งใจไว้ แต่ถ้า PE 25 หรือมากกว่านั้นนี่ผมคงต้องขอรอดูผลประกอบการไปอีกซักระยะนึงก่อนว่าจะโตไปได้แค่ไหน
แต่ถ้าดูจากสภาวะตลาดตอนนี้แล้ว บวกกับการที่ M เป็นแบรนด์ที่ใครๆก็รู้จักและมีคนสนใจเยอะ ผมคิดว่าราคาที่ PE 30 ขึ้นไปตอนช่วง IPO อาจมีให้ได้เห็นแน่นอนซึ่งราคานี้ผมคงไม่กล้าลงทุน
ปล. มีหลายคนที่สงสัยว่าการ IPO นี้เป็นการ cash out ของบรรดาเจ้าของรึเปล่า เพราะตอนนี้ธุรกิจก็เริ่มที่จะอิ่มตัวแล้วบวกกับตอนนี้ที่ราคาตลาดหุ้นกำลังอยู่สูงน่าจะได้ราคาดี พูดกันจริงๆผมเองก็คิดเหมือนกัน เพราะถ้า M IPO เพื่อต้องการเงินไปลงทุนจริงๆก็น่าจะทำตอนช่วงที่บริษัทขยายตัวเยอะๆ หรือตอนที่จะเริ่มเปิด Yayoi ยังดูจะสมเหตุสมผลมากกว่า แต่นี่ทุกอย่างก็ลงทุนไปจนอยู่ตัวหมดแล้ว การจะขยายสาขาไปต่างประเทศก็เป็นการค่อยๆไปเปิดร้านอาหารแค่ไม่กี่สาขา เทียบกับขนาดบริษัทตอนนี้น่าจะมีเงินทุนเหลือเพืออยู่แล้ว แต่ถ้าพูดกันจริงๆ M คงไม่ใช่บริษัทแรกและบริษัทสุดท้ายที่จะเข้าตลาดด้วยเหตุผลนี้ (จริงๆแล้วออกจะหลายบริษัทด้วยซ้ำที่ทำแบบนี้)
กลุ่มร้านหลักประเภทหนึ่งเลยที่ผมว่าดึงลูกค้าไปจาก MK คือกลุ่มร้านบุฟเฟ่ต์ชาบู (อย่าง Hotpot ชาบูชิ ซูกิชิ) กลุ่มร้านเหล่านี้ขายอาหารที่คล้ายกับของ MK มากแต่กินได้ไม่อั้น รวมทั้งน้ำและของหวาน แถมราคายังแค่ประมาณ 250-350 บาท ต่อคน ซึ่งถ้าผมไปกิน MK ปรกติราคาจะออกมาแพงกว่านี้อีก กลุ่มคนที่ชอบความ "รู้สึก" คุ้มค่าจึงเลือกที่จะไปกินร้านเหล่านี้แทน แต่ MK ก็ยังมีจุดแข็งที่เหนือกว่าอยู่หลายอย่าง คือสะอาด อาหารดูสดกว่า นั่งสบายไม่วุ่นวาย และการบริการนี่ต้องขอชมเป็นพิเศษร้านหรูๆหลายร้านต้องอาย (จากประสบการณ์ส่วนตัว) โค้งแล้วโค้งอีกจนผมเขินเลย ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้ถ้าผมต้องเลือกที่จะไปกินสุกี้ผมก็ยังชอบไปกิน MK มากกว่า
โอเคเราอาจจะต้องยอมรับว่า MK ขายดีน้อยลงจากเมื่อก่อน แต่จริงๆแล้วประเด็นนั้นผมว่ายังไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ แต่ที่สำคัญคือตอนนี้และในอนาคตแนวโน้วเป็นยังไง ซึ่งตอนนี้ผมว่ายอดขายของ MK แต่ละสาขาก็ค่อนข้างอยู่ตัวแล้วและก็นับว่ายังขายดีอยู่ กลุ่มลูกค้าได้แบ่งกันชัดเจนแล้วว่าใครชอบสุกี้แบบธรรมดาหรือแบบบุฟเฟ่ต์ และข้อดีคือสำหรับใครที่ชอบสุกี้แบบธรรมดาดูเหมือน MK จะไม่มีคูแข่งเลย มองไปในอนาคตร้านสุกี้ส่วนใหญ่ที่เปิดขึ้นมาใหม่ก็เห็นจะใช้แต่ model แบบบุฟเฟ่ต์กันหมดซึ่งก็ไม่น่าจะกระทบกับยอดขายของ MK แล้วแต่จะไปแย่งลูกค้ากันเองกับร้านบุฟเฟต์จ้าวอื่นมากกว่า แนวโน้วในอนาคตผมจึงคิดว่ายอดขายต่อสาขาของ MK น่าจะทรงตัวอยู่ที่ระดับนี้ ไม่เพิ่มหรือลดซักเท่าไหร่
ทีนี้เราลองมาดูทาง Yayoi กันบ้าง ตอนเปิดใหม่ๆดูจะน่าเป็นห่วงอยู่พอสมควร ทุกสาขาที่ผมเคยผ่านเมื่อปีที่แล้วตอนต้นปีคนค่อนข้างโล่งมาก แต่ตอนนี้ติดตลาดแล้วเรียกว่าขายดีเลยทีเดียวเดินผ่านคนก็คึกคักตลอด positioning เขาผมว่าดีมาก ไม่มีคูแข่งโดยตรง เป็นอาหารญี่ปุ่นแบบตามสั่งราคาถูกแค่ 100 กว่าบาทก็กินได้ ราคาเท่ากับไปกิน KFC หรือ Mac เลย สำหรับ chain นี้ผมว่าถ้ายังไม่มีคู่แข่งใหม่ๆเข้ามาที่ชนกันโดยตรงยอดขายต่อสาขาก็น่าจะเหมือน MK คือค่อนข้างทรงตัวอยู่ที่ระดับนี้
การขยายตัวของธุรกิจ
มาถึงประเด็นสำคัญ "แล้วธุรกิจนี้จะโตไปได้อีกแค่ไหน" สำหรับ MK การที่ยอดขายและกำไรจะโตได้นั้นคงจะต้องพึ่งการขยายสาขาไปเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้ห้างทุกห้างและ community mall ก็มี MK อยู่แล้วเพราะฉะนั้นอัตราการเติบโตคงจะโตได้ตามการขยายตัวของ modern trade เท่านั้น ซึ่งถ้าเฉลี่ยในระยะยาวผมว่าได้สิบกว่าเปอร์เซ็นต่อปีก็เก่งแล้ว เพราะต้องอย่าลืมด้วยว่าการเพิ่มสาขาแต่ละครั้งไม่ได้ได้ลูกค้าใหม่ทั้งหมด จาก 100 คนที่มากินที่สาขาใหม่ หลายๆคนอาจจะเป็นลูกค้าเก่าอยู่แล้วที่ตอนนี้เปลี่ยนมากินสาขาที่ใกล้ขึ้นเท่านั้นเอง
ทางด้านของ Yayoi ก็เหมือนกัน เดี๋ยวนี้จะเห็นว่าเวลาเปิดสาขาใหม่ MK กับ Yayoi จะเปิดกันเป็นคู่ แต่ Yayoi มีโอกาสขยายได้มากกว่าพอสมควรเพราะตอนนี้ยังมีอยู่แค่เกือบ 100 สาขาในขณะที่ MK มีอยู่ถึง 300 กว่าสาขา เพราะฉะนั้นในช่วงแรกนี้ Yayoi ยังสามารถแร่งขยายไปในพื้นที่ที่ตอนนี้ MK อยู่แต่ยังไม่มี Yayoi แต่ในระยะยาวเมื่อขยายเสร็จแล้วอัตราการเติบโตก็คงลดเหลือแค่เท่ากับของ MK คือไม่น่าจะเกินสิบกว่าเปอร์เซ็นต่อปี
ส่วนการขยายตัวต่างประเทศนั้นผมคิดว่าเราน่าจะมองเป็นเหมือน bonus มากกว่าแต่อย่าไปพึ่งความหวังไว้กับมัน เรื่องของรสนิยมอาหารการกินนั้นเป็นอะไรที่เดายากมากๆ เราก็เห็นกันมาบ่อยมากแล้วที่ chain ร้านอาหารที่ฮิตมากในประเทศนึงพอไปเปิดประเทศอื่นๆแล้วกลับเจ๊งไม่เป็นท่า และที่สำคัญร้านในต่างประเทศนั้นเป็นอะไรที่ห่างหูห่างตา (อย่างน้อยสำหรับผมที่ไม่ได้เดินทางบ่อยมาก) จึงเป็นอะไรที่ติดตามค่อนข้างยากว่าธุรกิจเป็นยังไง แน่นอนถ้าเกิดร้านอาหารของ M ไปติดตลาดที่ต่างประเทศธุรกิจนั้นจะสามารถขยายได้อีกมหาศาล อันนี้ก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าจะฝากความหวังไว้กับเหตุผลนี้ตอนลงทุนผมว่ามันก็อาจจะเสี่ยงเกินไป
ทีนี้ลองมาดูตัวเลขคร่าวๆกันนิดนึง ถ้าดูระดับหนี้สินต่อกำไรแล้วผมว่าโอเคไม่สูงมาก แต่ตัวที่บริษัทน่าจะอยากให้นักลงทุนดูมากที่สุดคงจะเป็นการเติบโตของกำไรจากปี 54-55 ที่สูงถึงเกือบ 20% ถ้าคิดว่า M จะโตต่อไปได้ในอัตรานี้เรื่อยๆนักลงทุนก็อาจให้ราคา PE ของหุ้นที่ค่อนข้างสูงทีเดียว เพราะถ้าโตขนาดนี้ต้องถือว่าเป็น growth stock ที่ดีมากๆอันนึง แต่ด้วยเหตุผลต่างๆที่บอกไปแล้วผมไม่คิดว่า M จะโตได้ในอัตรานี้ไปอีกนานเท่าไหร่ อีกเหตุผลหนึ่งที่ปีที่แล้วกำไรอาจจะโตขึ้นเยอะกว่าปรกติอาจเป็นเพราะว่าปีที่แล้ว Yayoi เริ่มติดตลาดขึ้นมาพอดีเลยทำให้รายได้โตขึ้นอย่างเก้ากระโดดแต่ตอนนี้ยอดขายก็น่าจะเริ่มอยู่ตัวแล้ว
แล้วตกลงน่าลงทุนไหม?
โดยรวมแล้วผมคิดว่า M เป็นบริษัทที่มีระบบและกิจการที่ดีบริษัทหนึ่ง ถ้าถามว่าอยากเป็นเจ้าของไหมผมก็คงต้องตอบว่าอยาก แต่จะลงทุนซื้อหุ้นตัวนี้หรือไม่นั้นประเด็นสำคัญคงจะต้องอยู่ที่ราคา ผมไม่คิดว่าบริษัท M ณ ตอนนี้จะโตมากขนาดที่ให้ราคาแบบ super growth stock ได้ น่าจะเป็นบริษัทที่มีกิจการดี มีฐานลูกค้าที่ค่อนข้างมั่นคงและก็โตไปได้เรื่อยๆตามขนาดเศรษฐกิจ และ modern trade อาจคล้ายๆบริษัท blue chip ย่อยๆบริษัทหนึ่ง แต่มีข้อดีมากกว่าตรงอัตราการเติบโตที่น่าจะดีกว่าและที่สำคัญยังใกล้หูใกล้ตาถ้าเกิด trend เล่มเปลี่ยนหรือมีคู่แข่งใหม่เข้ามาที่น่ากลัวเราก็น่าจะเห็นได้ค่อนข้างเร็ว
มองรวมๆด้วยเหตุผลต่างๆแล้วถ้าหุ้นราคา PE สักสิบกว่าๆนี้ต้องถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว แต่ถ้า PE ใกล้ 20 หรือมากกว่าหน่อยนั้นอาจจะต้องเริ่มคิดหนักขึ้น เพราะที่ราคานี้ถ้าจะบอกว่าถูกนั้นคงไม่ใช่แน่นอนถ้าจะให้ลงทุนจริงๆอาจจะลงทุนแค่ส่วนหนึ่งของจำนวนที่ตั้งใจไว้ แต่ถ้า PE 25 หรือมากกว่านั้นนี่ผมคงต้องขอรอดูผลประกอบการไปอีกซักระยะนึงก่อนว่าจะโตไปได้แค่ไหน
แต่ถ้าดูจากสภาวะตลาดตอนนี้แล้ว บวกกับการที่ M เป็นแบรนด์ที่ใครๆก็รู้จักและมีคนสนใจเยอะ ผมคิดว่าราคาที่ PE 30 ขึ้นไปตอนช่วง IPO อาจมีให้ได้เห็นแน่นอนซึ่งราคานี้ผมคงไม่กล้าลงทุน
ปล. มีหลายคนที่สงสัยว่าการ IPO นี้เป็นการ cash out ของบรรดาเจ้าของรึเปล่า เพราะตอนนี้ธุรกิจก็เริ่มที่จะอิ่มตัวแล้วบวกกับตอนนี้ที่ราคาตลาดหุ้นกำลังอยู่สูงน่าจะได้ราคาดี พูดกันจริงๆผมเองก็คิดเหมือนกัน เพราะถ้า M IPO เพื่อต้องการเงินไปลงทุนจริงๆก็น่าจะทำตอนช่วงที่บริษัทขยายตัวเยอะๆ หรือตอนที่จะเริ่มเปิด Yayoi ยังดูจะสมเหตุสมผลมากกว่า แต่นี่ทุกอย่างก็ลงทุนไปจนอยู่ตัวหมดแล้ว การจะขยายสาขาไปต่างประเทศก็เป็นการค่อยๆไปเปิดร้านอาหารแค่ไม่กี่สาขา เทียบกับขนาดบริษัทตอนนี้น่าจะมีเงินทุนเหลือเพืออยู่แล้ว แต่ถ้าพูดกันจริงๆ M คงไม่ใช่บริษัทแรกและบริษัทสุดท้ายที่จะเข้าตลาดด้วยเหตุผลนี้ (จริงๆแล้วออกจะหลายบริษัทด้วยซ้ำที่ทำแบบนี้)