Wednesday, March 27, 2013

หุ้นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน BTSGIF ดีไหม

ตอนนี้ผมเชื่อว่านักลงทุนหลายๆคนคงได้เห็นสื่อโฆษณาชักชวนให้มาลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน BTSGIF ที่กำลังจะออกมาจำหน่าย โดยจุดเด่นหลักที่โฆษณาพยามจะเสนอคือการเปรียบเทียบข้อดีของ BTSGIF เทียบกับการฝากเงินระยะยาวกับธนาคาร ว่าได้ดอกเบี้ยมากกว่า จ่ายปีละ 4 ครั้ง และยังได้รับการยกเว้นภาษีอีก 10 ปี โอ้โหดีกว่าขนาดนี้ซื้อได้เมื่อไหร่เนี่ย!!!

แต่ก่อนที่คุณจะรีบไปถอนเงินทั้งหมดจา่กบัญชีเพื่อมาซื้อกองทุนอันนี้ผมว่าอย่างน้อยทุกคนควรจะรู้ก่อนว่ากำลังซื้ออะไรกันแน่

อย่างแรกเลยที่ผมอยากจะบอกก็คือการลงทุนในกองทุนอันนี้ไม่เหมือนการฝากระยะยาวแม้แต่นิดเดียวสิ่งที่คุณจะได้เมื่อซื้อกองทุนอันนี้คือสิทธิ์ในกำไรของ BTS สองสายแรกที่สร้าง ซึ่งจะเป็นจากสนามกีฬาแห่งชาติถึงสะพานตากสินกับหมอชิตถึงอ่อนนุชเป็นเวลาเพียงแค่ 17 ปี เมื่อถึงเวลานั้นกองทุนก็จะปิดลง เพราะฉะนั้นสิ่งแรกเลยที่กองทุนนี้แตกต่างจากการฝากเงินก็คือเมื่อครบ 17 ปีแล้วเงินต้นของคุณจะเป็น 0 เงินที่คุณจะได้คืนมามากเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับว่าในอีก 17 ปีข้างหน้า BTS สองสายนี้จะทำกำไรได้เท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเวลาที่โฆษณาบอกว่าจะได้เงินปันผลเท่านั้นเท่านี้แล้วเป็น % ที่สูงกว่าดอกเบี้ยของการฝากระยะยาวคุณต้องอย่าลืมว่ามันเทียบกันตรงๆไม่ได้เพราะการฝากเงินนั้นคุณได้เงินต้นคืน

ทีนี้เรามาดูตัวเลขคร่าวๆกันหน่อยละกันนะครับ จากข้อมูลที่ทางกองทุนให้มาตอนนี้ BTS สองสายนี้มีกำไรอยู่ประมาณปีละ 3,500 ล้านบาท จำนวนหุ้น BTSGIF ที่จะนำออกมาขายทั้งหมดมี 5,788 ล้านหุ้น เท่ากับว่า ณ ตอนนี้กำไรต่อหุ้นอยู่ที 0.6 บาทต่อปี สมมุติว่ากำไรของสองสายนี้คงที่ไม่เพิ่มไม่ลดไป 17 ปี จะเท่ากับว่าได้เงินคืนมาทั้งหมด 10.2 บาทต่อหุ้น แต่ราคาที่จะเสนอขายอยู่ที่หุ้นละ 10.4-10.8 บาท เท่ากับว่าถ้ากำไรเท่านี้ผู้ลงทุนจะขาดทุนนิดนึง 

สมมุติว่าคุณซื้อหุ้นได้ที่ราคา 10.4 บาท ถ้าคุณเอาเงินจำนวนนี้ไปฝากแบงค์ระยะยาว 17 ปี ผมตีดอกเบี้ยแบบต่ำๆที่ 4% พอครบ 17 ปีคุณจะมีเงิน 20.26 บาท ถ้าจะให้ได้ผลตอบแทนเท่ากัน BTSGIF ต้องได้กำไรเฉลี่ยปีละ 1.19 บาทต่อหุ้น หรือโดยรวมประมาณ 6,898 ล้านบาทต่อปี หรือโดยเฉลี่ยต้องได้กำไรสองเท่าของที่ได้อยู่ ณ ปัจจุบัน

อืม...ถ้ากำไรเพิ่มขึ้นทุกๆปี ปีละ 10% ก็คงได้นะครับ แต่ผมนึกว่าเป้าหมายของกองทุนพวกนี้คือการลงทุนในกิจการที่มีความเสี่ยงน้อยและได้ปันผลสม่ำเสมอให้เป็นตัวเลือกแทนการฝากเงินระยะยาวไว้ในธนาคาร ซึ่งผมยอมรับว่ากิจการนี้มีความเสี่ยงที่จะเจ๊งน้อยมาก แต่เหมือนความเสี่ยงในการลงทุนแค่ถูกย้ายไปอยู่ที่ว่ากองทุนจะทำกำไรได้ทันในระยะเวลาที่กำหนดรึเปล่า ซึ่งเมื่อพิจารณาส่วนนี้ด้วยแล้วผมว่ามีหุ้นอีกหลายตัวที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า เพราะถึงแม้กิจการอาจจะมีความเสี่ยงสูงกว่า แต่ก็ไม่มีความเสี่ยงเรื่องเวลาที่จำกัด