Tuesday, November 29, 2011

หุ้น Property Fund คืออะไร ทำไมถึงไม่น่าลงทุน


ทุกวันนี้จำนวนของ Property Fund ในตลาดหลักทรัพย์มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลายๆคนอาจจะสงสัยว่ามันคืออะไร แล้วน่าลงทุนรึเปล่า? งั้นผมขอเริ่มโดยการอธิบายคร่าวๆตามที่ผมเข้าใจก่อนละกันนะครับว่า Property Fund นั้นคืออะไร

เมื่อมีบุคคล กลุ่มคน หรือบริษัทไหนต้องการที่จะประกอบธุรกิจที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อย่างเช่นธุรกิจโรงแรม Service Apartment หรือ ห้างสรรพสินค้าแต่ไม่มีทุนพอ ทางเลือกหนึ่งในการระดมทุนก็คือการก่อตั้ง Property Fund ขึ้นมาแล้วขายหุ้นให้กับนักลงทุนเพื่อนำเงินไปลงทุน

แต่การจัดทำ Property Fund นั้นก็จะมีเงื่อนไขพิเศษอยู่ อันหลักๆก็จะมีว่า กองทุนนั้นจะต้องลงทุนอย่างน้อย 75% ของเงินทั้งหมดในอสังหาริมทรัพย์ ส่วนโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่จะไปลงทุนนั้นจะต้องสร้างเสร็จแล้วอย่างน้อย 80% หรือไม่ก็มีการเปิดกิจการอยู่แล้ว คือห้ามเอาเงินไปเก็งกำไรอย่างเช่นอยู่ดีๆไปซื้อที่เปล่าไว้แล้วก็รอให้ราคาขึ้นแล้วขาย การทำกองทุนนั้นจะเน้นไปที่การลงทุนในธุรกิจที่ให้รายได้อย่างสม่ำเสมอแก่นักลงทุนมากกว่า เพราะอีกข้อกำหนดหนึ่งนั้นก็คือทางกองทุนต้องจ่ายปันผลอย่างน้อย 90% ของกำไรทั้งหมดให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกๆปี

หุ้น OISHI ราคาตอนนี้น่าสนใจทีเดียว


ที่บอกว่าน่าสนใจนี้หมายถึงว่า ราคาหุ้น OISHI ตอนนี้น่าลุ้นกับผลประกอบการในระยะกลางถึงยาวนะครับ

ถ้าใครได้พอติดตามราคาหุ้นของ OISHI มาบ้างก็จะเห็นว่าในเดือนสองเดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นนั้นได้ตกลงไปเยอะมาก เกือบครึ่งนึงทีเดียว ในช่วงที่ตกลงไปนั้นก็ตกลงไปพร้อมกับตลาด (ตอนตลาดลงไปถึง 800 จุด) แต่จะเห็นได้ว่าราคาตอนนี้ไม่ได้ขึ้นกลับมาตามตลาดเหมือนหลายตัวอื่นๆ

ก่อนอื่นต้องยอมรับว่าที่ราคาตกลงมานั้น เป็นเพราะพื้นฐานของธุรกิจได้เปลี่ยนไปจริงๆ ที่หุ้นตัวนี้มี PE ที่สูงในอดีตก็คงเป็นเพราะ Oishi แทบจะมี monopoly ในตลาดชาเขียวของเมืองไทยเลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่าชาเขียวก็คือ Oishi และ Oishi ก็คือชาเขียว

หุ้น CPALL หุ้นอีกหนึ่งตัวที่น่าจับตามอง


วันนี้หุ้น CPALL ถือว่าลงค่อนข้างเยอะมากเลยทีเดียว ลงมา 3.23% เหลือ 45 บาท ซึ่งถือว่าลงเยอะมากสำหรับหุ้นตัวนี้ เพราะอย่างที่รู้ๆกันอยู่ธุรกิจ 7/11 เป็นธุรกิจที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ปรกติราคาหุ้นจะลงน้อยมาก ที่ลงมามากอาจเป็นเพราะคนกลัวว่าศูนย์กระจายสินค้าที่บางบัวทองโดนน้ำท่วม อาจทำให้ธุรกิจถูกผลกระทบค่อนข้างรุนแรง บวกกับหลายสาขาที่โดนน้ำท่วมไปด้วย แต่ถ้าราคาลงแรงต่อเนื่องอย่างนี้ก็ถือว่าเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่น่าจับตา มองในตอนนี้ เพราะราคาที่ลดไปอาจมากกว่าผลกระทบที่มีต่อผลประกอบการของบริษัทจากน้ำท่วม

หุ้น SCC วันนี้ตกลงไป 288 เริ่มน่าซื้อขึ้น แต่ยังรอได้


วันนี้หุ้น SCC ตกลงไปถึง 288 บาท จากที่รอไปก่อนเมื่อวันก่อน ตอนนี้ราคาเริ่มดูน่าซื้อขึ้น แต่ผมว่าในระยะกลางหุ้นน่าจะลงไปต่ำกว่านี้ให้เราได้ซื้อในราคาที่ถูกกว่า นี้อีก วันนี้จึงรอไปก่อนแต่ให้เตรียมถือเงินไว้บ้างเพื่อจะได้เข้าซื้อได้

หุ้น SCC วันนี้ตกเยอะตามตลาด แต่เข้าซื้อยังเสี่ยง


หุ้น SCC วันนี้อาจตกเยอะตามตลาด ตกไปต่ำกว่า 300 แต่ถ้าจะเข้าซื้อวันนี้เพื่อหวัง rebound พรุ่งนี้ยังมีความเสี่ยงอยู่พอสมควรนะครับ จริงอยู่ที่โอกาสหุ้นจะ rebound พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้มีอยู่พอสมควร แต่ถ้าเด้งก็ไม่น่าจะเด้งมากกว่าที่ตกลงมา เพราะฉะนั้นถึงซื้อแล้วเด้งจริงก็อาจจะได้กำไรไม่มาก ยกเว้นมีข่าวดีที่ไม่คาดคิดมาก่อนซึ่งในระยะสองสามวันนี้ยังไม่น่าจะมี ทั้งในประเทศซึ่งเหตุการน้ำท่วมก็ยังไม่น่าจะจบภาพในวันสองวันนี้ รวมถึงปัจจัยภายนอกอย่าง europe ก็จะมีการประชุมเรื่องหนี้ตั้งปลายสัปห์ดา

ตอนนี้ถ้าเป็นไปได้ให้ถือเงินสดในพอร์ตหุ้นอย่างน้อย 30% - 50%


ดูแล้วถ้ายุโรปยังไม่ ถึงขั้นแตกหัก (ถ้าเกิดหุ้นคงจะร่วงหนัก) หุ้นก็คงจะค่อยๆขึ้นไปเรื่อยๆในระยะกลาง เพราะตอนนี้ราคาหุ้นถูกลงพอสมควรจากความกลัวของนักลงทุน ซึ่งก็คงจะมีข่าวร้ายออกมาเป็นระยะทำให้ราคาหุ้นลดลงไปบ้างแต่โดยรวมถ้ายัง ไม่ถึงขั้นที่ช่วยยุโรปเอาไว้ไม่ได้แล้วจริงๆหุ้นก็น่าจะค่อยๆขึ้นไปโดยรวม ยิ่งตอนนี้ราคาถูกผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมในประเทศ ซึ่งเมื่อผ่านไปได้ก็น่าจะช่วยให้ราคาขึ้นมาอีกพอสมควร

สำหรับคนที่มีเงินสดอยู่ 100% อาจจะคอยซื้อซัก 25% ตอนวันที่มีข่าวร้ายย่อยๆแล้วช้อนหุ้นที่ตกพอสมควรในวันนั้น (ถ้าเป็นข่าวร้ายใหญ่อาจต้องดูอีกที) เพื่อเราจะได้ไม่เสียโอกาสถ้าปัญหาในยุโรปสามารถแก้ใขได้แล้วไม่เกิดเหตุการ แบบ Subprime

สำหรับใครที่มีหุ้นอยู่เกือบทั้งหมดของ พอร์ต รอจังหวะวันไหนที่หุ้นขึ้นพอสมควรแล้วดูหุ้นในพอร์ตตัวไหนที่ตกลงไปน้อยจาก ช่วงที่ซื้อไว้สูงๆ แล้วขายออกไปบ้าง ให้มีเงินสดเหลืออยู่อย่างน้อยซัก 30% เพื่อที่จะได้มีเอาไว้ช้อนหุ้นถ้าเกิดยุโรปเจ๊งจริงๆแล้วหุ้นตกหนัก

หุ้นแตกพาร์คืออะไร


นี่เป็นคำถามที่หลายๆคนที่ยังใหม่อยู่กับตลาดหุ้นอาจสงสัย ปรกติเวลาซื้อหุ้นนั้นเราจะต้องซื้ออย่างน้อยครั้งละ 100 หุ้น (ยกเว้นถ้าราคาของหุ้นตัวนั้นสูงกว่า 500 ติดต่อกันมาเป็นเวลานานก็จะสามารถซื้อได้ทีละ 50 หุ้น)

สมมุติบริษัทๆหนึ่งมีหุ้นอยู่ทั้งหมด 1000 หุ้น ตอนแรกราคาหุ้นละ 50 บาท ที่ราคานี้เวลาจะซื้อหุ้นบริษัทนี้เราจะต้องใช้เงินอย่างน้อยครั้งละ 5000 บาท (100 หุ้น) ถ้าผ่านไปซักระยะหนึ่งธุรกิจของบริษัทนี้ไปได้ดีแล้วราคาหุ้นขึ้นไปเป็นหุ้นละ 400 บาท ตอนนี้จะซื้อหุ้นบริษัทนี้ทีนึงต้องใช้เงินถึง 40,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นเงินไม่น้อยสำหรับนักลงทุนรายย่อยหลายๆคน เมื่อเงินที่ต้องใช้ซื้อขายแต่ละครั้งค่อนข้างสูงหลายๆคนอาจจะเลิกซื้อขายหุ้นตัวนี้แล้วหันไปลงทุนตัวอื่นทำให้สภาพคล่อง (ปริมาณการซื้อขาย) ของหุ้นตัวนี้ลดลงอย่างมากซึ่งก็จะทำให้การซื้อขายลำบาก

หุ้น SSC แล้วใครจะขาย Pepsi


ในที่สุดหลังจากที่มีเรื่องกันมานาน ก็จบลงด้วยการที่บริษัทเสริมสุขดำเนินการซื้อหุ้นจาก Pepsico (Pepsi) มาทั้งหมดและต่อไปก็คงจะไม่ผลิตและจำหน่าย Pepsi อีกต่อไป

คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ "แล้วใครจะเป็นคนขาย Pepsi หล่ะ?" ถ้าจะบอกว่าจะไม่มี Pepsi ขายในประเทศไทยอีกต่อไปก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะ Pepsico คงไม่ยอมแน่เพราะประเทศไทยนั้นเป็นเพียงหนึุ่งในไม่กี่ประเทศที่ Pepsi ขายดีกว่า Coke เพราะฉะนั้นเรามาดูทางเลือกของ Pepsico กันดีกว่า

หุ้น TF ขึ้นเร็วกว่าที่คิด


จากกระทู้เก่าที่เคยพูดถึงหุ้น TF ว่าควรจะซื้อเอาไว้ (หุ้นมาม่า)

http://stupidstocktrader.blogspot.com/2011/11/tf.html

ตอนนั้นราคาอยู่ที่ไม่ถึงหุ้นละ 100 บาท แต่ตอนนี้ราคาขึ้นไปเร็วและมากกว่าที่คาดไว้เยอะเลย
ล่าสุดวันนี้ขายอยู่ที่ 107 บาท